รีวิว The Hunt (จับ ฆ่า ล่าโหด)

ภาพยนตร์แอคชั่นสยองขวัญสุดมันส์ สำหรับเรื่องนี้บอกเลยว่าขอการันตีความสนุกถ้าใครยังไม่ได้ดูต้องรีบแล้ว The Hunt (จับ ฆ่า ล่าโหด) หนังดังโคตรสนุก โคตรมันส์ โคตรสมจริง มีการเล่นประเด็นการเมืองและชนชั้นอย่างตลกร้ายและโหดเลือดสาด เรื่องราวเกี่ยวกับคนรวยล่าคนจนเพื่อเกมกีฬา

เรื่องย่อ : เรื่องราวของชนชั้นแรงงานหรือคนบ้านนอก จำนวน 12 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนขาวและค่อนข้าง conservative ถูกลักพาตัว และตื่นขึ้นมากลางป่าแห่งหนึ่งอย่างงง ๆ ก่อนที่จะรู้ตัวว่าพวกเขากำลังถูกไล่ล่าโดยพวก liberal elite นำโดย Athena แต่การล่าครั้งนี้มันไม่ง่าย เมื่อ Crystal หนึ่งในคนที่ถูกล่า กลับมีสกิลการต่อสู้และเคยเป็นทหารเก่า ทำให้ผู้ล่ากลายเป็นผู้ถูกล่าด้วยเช่นกัน

ถ้าใครที่เคยดูหนังในแนวคนล่าคนมาบ้างแล้ว ก็ต้องบอกว่า The Hunt เลือกเล่าเรื่องในทิศทางที่ต่างจากเดิม แม้ว่าหนังจะเปิดเรื่องในป่า เหยื่ออยู่ในที่โล่ง ส่วนผู้ล่าอยู่ในที่ลับ คอยซุ่มยิงบรรดาเหยื่ออย่างสนุกสนาน แต่ผ่านไปครู่เดียว บรรดาเหยื่อก็แตกกระสานซ่านเซ็นกันไปคนละทิศคนละทาง ทำให้หนังพ้นขีดจำกัดในเรื่องสถานการณ์ปิดล้อม แต่กลายเป็นเกมไล่ล่าในพื้นที่เปิดกว้างไม่มีขอบเขตจำกัด ก็เลยทำให้บทหนังในทิศทางนี้ได้อย่างเสียอย่าง ส่วนที่เสียไปก็คือความตึงเครียดกดดันกับการได้เห็นชะตากรรมของเหยื่อที่ต้องรอคอยความตายในพื้นที่จำกัด

แต่สิ่งที่ได้มาก็คือความคลุมเครือ เมื่อเหยื่อสามารถหนีไปไหนก็ได้ แต่ไม่รู้ตัวเองว่าอยู่ในพื้นที่ส่วนไหนของโลก แล้วผู้คนที่พวกเขาเจอะเจอระหว่างทางเพื่อขอความช่วยเหลือนั้น เป็นชาวบ้านจริง ๆ หรือว่าเป็นพรานผู้ล่าที่เล่นละครตีเนียนแล้วหาจังหวะสังหารเหยื่อที่หลงกล บางทีผู้ล่าก็ปลอมตัวมาปะปนอยู่ในเหยื่อด้วยก็มี ตรงนี้เราก็เลยได้ความสนุกกับการดูไปเดาไป ว่าไอ้คนนี้คนนั้นจะเป็นชาวบ้านจริงหรือเป็นพรานกันแน่ มีฉากแบบนี้โผล่มาบ่อย ๆ เดากันถูกบ้างผิดบ้าง

บางฉากก็ไม่เฉลยนะว่าตกลงไอ้คนนี้มันเป็นเหยื่อหรือว่าผู้ล่าปลอมตัวมากันแน่ เน้นย้ำเลยว่าฉากร้านมินิมาร์ตเล่นกับการคาดเดาคนดูได้สนุกมาก ก็ต้องย้อนไปชื่นชม เดมอน ลินเดลอฟ มือเขียนบทขาเก๋าของวงการ ที่สร้างชื่อมาจาก Lost ซีรีส์ลึกลับระดับตำนาน ก็นับว่าฝีมือของ เดมอน ยังเชื่อถือได้ ยังสอดแทรกความลึกลับมาในบทหนัง เล่นกับการคาดเดาของคนดูได้ดี