รีวิว Aquaman and the Lost Kingdom (2023) อควาแมน กับอาณาจักรสาบสูญ

หนังชนโรงมาแรงที่คอหนังไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงใน Aquaman and the Lost Kingdom (2023) อควาแมน กับอาณาจักรสาบสูญ เรื่องราวหลังจากที่ อาร์เธอร์ เคอร์รี หรือ อควาแมน ขึ้นเป็นราชาแห่งแอตแลนติส และให้กำเนิดลูกชาย (อาร์เธอร์จูเนียร์) ร่วมกับเมรา และใช้ชีวิตในฐานะราชา, สามี และคุณพ่อ อย่างสงบสุข อย่างไรก็ตาม แบล็คแมนท่า ได้ครอบครองวัตถุโบราณบางอย่างทำให้เขามีพลังที่ชั่วร้าย ทำให้อควาแมนต้องหันหน้าไปพบน้องชายอย่าง ออร์ม เพื่อร่วมมือปกป้องอาณาจักรไว้ให้ได้

หลังจากความสำเร็จของหนังเดี่ยวซูเปอร์ฮีโรเจ้าสมุทร ‘Aquaman’ ที่ออกฉายในปี 2018 และทำรายได้กว่า 1,152 ล้านเหรียญ จนขึ้นแท่นหนังทำรายได้มากที่สุดของจักรวาล DCEU หลังจากนั้นมาดูเหมือนว่าจะไม่มีหนังเรื่องไหนที่ไปได้ถึงจุดสูงสุดแบบที่หนังเรื่องนี้เคยทำได้อีกเลย เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ช่วงทศวรรษที่ผ่านมาของ DC Extended Universe ล้วนแต่มีขวากหนาม ทั้งคุณภาพหนัง ชื่อเสียสุดอื้อฉาวของนักแสดง การแทรกแซงแก้ไขของค่าย และโน่นนั่นนี่อีกมากมาย เอาเฉพาะหนังของ DC ในปีทั้ง ‘Shazam! Fury of the Gods, ‘The Flash’ และ ‘Blue Beetle’ ที่ล้วนแล้วแต่ไม่เวิร์กในด้านรายได้ทั้งสิ้น

จนมาถึงปลายปี พ่อใหญ่ฮีโรเจ้าสมุทร จึงต้องกลายเป็นความหวังของหมู่บ้าน ในหนังภาคต่อ ‘Aquaman and the Lost Kingdom’ ผู้รับหน้าที่ปิดจักรวาล DCEU ก่อนการมาถึงของจักรวาล DCU หรือ DC Universe ในปี 2025 โดยในภาคนี้ยังคงได้นักแสดงและทีมงานชุดเดิมกลับมาครบทีมนะครับ ทั้งผู้กำกับสายสยองขวัญ เจมส์ วาน (James Wan) ที่หลังจากจบงานนี้ พี่เค้าก็คงไปทุ่มเทเวลาให้กับหนังสยองขวัญของค่าย Blumhouse ของบ้าน Universal Pictures แบบเต็มตัวแล้วล่ะ และยังคงได้ เดวิด เลสลี จอห์นสัน-แม็กโกลดริก (David Leslie Johnson-McGoldrick) ผู้เขียนบทจาก ‘Aquaman’ ภาคแรกกลับมาเขียนบทในภาคนี้ด้วย

ซึ่งในภาคนี้ได้เพิ่มฉากแอ็คชันแรงๆกว่าภาคแรกพอสมควร จะเน้นการสู้ตัวต่อตัวบนพื้นดินมากยิ่งขึ้น และเรื่องที่แฟนภาพยนตร์กังวลคงหนีไม่พ้นบทบาทของ เมรา ที่รับบทโดย แอมเบอร์ เฮิร์ด ที่ต้องบอกว่าไม่ได้ออกมามากเท่าภาคแรกแต่ก็ยังมีบทบาทสำคัญอยู่ แต่จะมาในรูปแบบสนับสนุนอยู่แนวหลังซะมากกว่า ในส่วนของการแบ่งบทตัวละคร ถือว่าอยู่ในขั้นที่โอเค เนื่องจากตัวละครหลักมีซีนเป็นของตัวเองแทบทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะไม่มีซีนที่ทำเป็นภาพจำเลยก็ตาม ด้านงานภาพต้องบอกเลยว่านี่คือจุดแข็งที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ ทั้งแสง, สี และความอลังการของฉาก มาได้แบบจัดเต็มสุด พร้อมทั้งยังถ่ายทำด้วยกล้อง IMAX ตลอดทั้งเรื่อง ดังนั้นรับประกันได้อย่างแน่นอน